สูตรลดน้ำหนักอย่างง่ายๆ

เป็นการลดน้ำหนักใน 2 สัปดาห์ ให้จัดมื้ออาหารและปฏิบัติดังนี้

1.ตอนเช้าตื่นมาให้ดื่มน้ำอุ่นๆ 1 แก้วใหญ่ (ช่วยในเรื่องการขับถ่าย)
2.มื้อเช้ากินไข่ต้ม 1 ฟองนะ
3.มื้อเที่ยงกินสลัดผัก หรือไม่ก็ ส้มตำ (ห้ามหวานเด็ดขาด)
4.งดของหวานไว้ก่อน
5.มื้อเย็นอนุโลมให้กินเเอปเปิ้ลได้ 1 ลูก เเต่ถ้าทนได้ก็เเนะนำว่า อย่าดีกว่าคะ
6.งดอาหารหลัง 6 โมงเย็น ถ้าหิวมากๆก็ดื่มน้ำเยอะๆเเทน
7.ข้อนี้สำคัญมาก อย่าลืมออกกำลังกายล่ะ นอกจากจะช่วยให้ลดน้ำหนักได้เร็วขึ้นเเล้วยังช่วยให้หุ่นของสาวๆไม่เทอะทะอีกต่อไป

เเนะนำนิดนึง

ตอนเเรกๆที่เราใช้สูตรนี้ก็สนุกดีอยู่นะกับการกินสลัดผัก เเต่พอไปๆมาๆ มันรู้สึกเอือมมากๆเลยล่ะ หลายคนอาจจะมีวิธีเปลี่ยนรสชาดต่างๆ เเต่สำหรับเรา

-เปลี่ยนน้ำสลัดเป็นโยเกิร์ตรสธรรมชาดเเทน ^^ ฟังดูอาจจะไม่เข้าท่า เเต่ก็น่าลองนะ
-ออกกำลังก็ทำได้ง่ายๆ ถ้าบ้านมีเชือกก็กระโดดมันเข้าไป ๆๆ การกระโดดทำให้กล้ามเนื้อที่ขาเเข็งเเรง ขาไม่ใหญ่หรอกนะ เเล้วที่สำคัญที่สุด กระโดดบ่อยๆเพิ่มความสูงได้ด้วย
-ตอนประมาณสัปดาห์ที่สอง หน้าของสาวๆจะซีดๆหน่อย เพราะขาดจากเนื้อสัตว์และเเป้งไปนาน เเต่ไม่ต้องห่วง สักพักมันก็จะชินเอง
-เกือบลืม...เรากินมังสะวิรัสด้วยนะ เพราะเนื้อสัตว์ย่อยยาก ต่อให้พยายามลดน้ำหนักเเค่ไหนมันก็คงจะยากมากๆเลย



Credit >> http://www.dek-d.com

ผลไม้สำหรับลดความอ้วน

แอปเปิล : ผลไม้เบสิคในการลดความอ้วน ที่สาวๆส่วนใหญ่ชอบทาน เพราะมันให้รสหวาน แต่ให้พลังงานน้อย โดยแอปเปิล 1 ลูกจะให้ พลังงานเพียง 59  แคลอรี่เท่านั้น  แถมยังมีเส้นใยสูงช่วยให้ระบบขับถ่ายดียิ่งขึ้น และคุณสมบัติที่สำคัญในการลดความอ้วนของแอปเปิล คือ ความหวานของแอปเปิลจะเกิดจากน้ำตาลฟรักโทส ซื่งจะเปลี่ยนรูปเป็นพลังงานอย่างช้าๆ ช่วยให้ร่างกายไม่รู้สึกหิว อยู่ท้องได้นาน

ฝรั่ง : เจ้านี้หาง่ายสุดๆไปตามตลาดก็เจอ ตามรถเข็น ตามห้างก็เจอ ฝรั่งมีสรรพคุณช่วยลดความอ้วนและยังมีวิตามินซีสูงช่วยสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวพรรณเต่งตึง ไร้ริ้วรอยอีกด้วย(แนะนำให้กินเปล่าๆนะ อย่าไปจัดพวกน้ำจิ้ม เพราะจะเพิ่มแคอรี่เข้าไปอีก)

แตงโม : ผลไม้ชนิดนี้ก็ให้รสหวานแต่ก็ไม่ทำให้อ้วนขึ้นแต่อย่างใด แตงโมยังประกอบไปด้วยน้ำถึง 93 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เวลากินแตงโมจะรู้สึกอิ่มเร็ว ถ้าลองใข้แตงโมแทนอาหารเย็น สักสามวันน้ำหนักลดลงแน่นอน

ส้ม : ถึงแม้จะให้พลังงานสูง แต่ก็มีกากใยสูงเช่นกัน  ทำให้ช่วยลดความอ้วนได้ แนะนำให้กินไปทั้งเส้นใยเลย ไม่ต้องแกะเส้นใยขาวๆออก

มะละกอ : ถ้าหากทานมะละกอนอกจากจะทำให้ผิวพรรณสวยงามเปล่งปลั่งแล้ว มะละกอก็ยังสามารถขจัดไขมันในร่างกายด้วย และยังมีเอนไซม์ปาเปนที่มีคุณสมบัติช่วยย่อยโปรตีนได้ด้วย ผลไม้ชนิดนี้ก็หาซื้อทานง่ายมากเช่นกัน

แก้วมังกร : เป็นพืชต่างชาติที่เข้ามามีบทบาทในการลดความอ้วนของคนไทยมาไม่กี่ปีมานี้ และเป็นที่นิยมอย่างสูงด้วย เรื่องจากแก้วมังกร เป็นผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง ให้พลังงานน้อย อยู่ท้องและมีที่สำคัญคือมีรสอร่อย

Credit >> http://www.nofat.in.th/

วิ่งลดหุ่นอย่างไรให้ได้ผล

การวิ่งเป็นวิธีออกกำลังกายที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับผู้ที่อยากลดหุ่นให้เพรียวงามยิ่งขึ้น ซึ่งการวิ่งให้ได้ประโยชน์อย่างแท้จริงและส่งผลดีต่อร่างกายนั้น จำเป็นต้องวิ่งอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ พร้อมทั้งรู้จักการปฏิบัติตัวทั้งก่อนและหลังวิ่งอย่างถูกต้อง จะมีวิธีการอย่างไรบ้าง ลองมาปฏิบัติตามกันเลยดีกว่า

สร้างแรงบันดาลใจ

            ก่อนจะเริ่มทำการใหญ่ ใจต้องมาก่อน ลองตั้งเป้าหมายถึงน้ำหนักที่คุณต้องการลดไว้ แล้วมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตาม หรือเพื่อภารกิจใดภารกิจหนึ่งที่ต้องการให้เพื่อนๆ ได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลง หรือจะเป็นการทำเพื่อพิชิตใจชายหนุ่มก็ได้ เท่านี้ก็ทำให้แรงใจเหลือเฟือแล้วล่ะ

เตรียมอุปกรณ์

            เพิ่มสีสันให้วันออกกำลังกายด้วยเครื่องแต่งตัวที่ดูสนุกสนานน่าสวมใสแทนที่จะเป็นเสื้อยืดตัวเก่าเก็บ พร้อมทั้งผ้าขนหนูเช็ดเหงื่อสีสด ขวดน้ำแบบสะพาย โหลดเพลงลงมือถือ และสิ่งสุดท้ายที่ควรให้ความสำคัญที่สุดคือรองเท้าสำหรับวิ่ง ที่ควรจะเลือกใช้รองเท้ากีฬาเฉพาะด้านเพื่อให้ซัพพอร์ทเท้าและรองรับน้ำหนักของเราอย่างแท้จริง ซึ่งในปัจจุบันนี้หลากแบรนด์ดังต่างก็ออกแบบรองเท้าให้ดูทันสมัย น่าสวมใส่ไม่แพ้รองเท้าแฟชั่นทั่วไปเลยทีเดียว และต้องใส่ถุงเท้าที่มีความหนาสักนิด เพื่อช่วยรองรับแรงเสียดสีขณะวิ่งด้วยทุกครั้ง

ยืดเส้นยืดสาย

            ก่อนวิ่งทุกครั้ง อย่าลืมวอร์มอัพเพื่อยืดเส้นสายให้กล้ามเนื้อได้ตื่นตัวพร้อมออกกำลัง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากที่จะทำให้ร่างกายไม่บาดเจ็บ แล้วจึงเริ่มเดินไปเรื่อยๆ สักพัก เพื่อให้ร่างกายเราเข้าที่เข้าทาง จากนั้นจึงค่อยเริ่มวิ่ง

วิ่งอย่างถูกวิธี

            ท่าวิ่งที่ถูกต้องคือวิ่งตัวตรง ไม่โน้มไปด้านหน้าหรือหลัง กำมือหลวมๆ ไม่ต้องงอแขนจนถึงกับพับขึ้นมา เอาแค่ไม่เกิน 90 องศา ที่สำคัญคืออย่าวิ่งลงปลายเท้า เพราะนอกจากจะมีผลทำให้น่องโตแล้ว การวิ่งแบบนี้นานๆ ยังอาจทำให้บาดเจ็บที่เอ็นร้อยหวายได้ วิ่งลงให้เต็มฝ่าเท้าจะดีที่สุด ส่วนระยะในการวิ่งนั้นให้เริ่มวิ่งจากระยะทางไม่ไกลมากแล้วจึงค่อยๆ เพิ่มระยะทางไปเรื่อยๆ แต่ควรวิ่งติดกันในระยะเวลาที่นานพอในระดับหนึ่ง เช่น กำหนดว่าวิ่ง 1 กิโลเมตร ก็ให้วิ่งหนึ่งกิโลเมตรรวดเดียว หลังจากนั้นก็เปลี่ยนมาเดินแบบเร็วๆ ก็ได้ พอแรงเริ่มอยู่ตัวจึงค่อยวิ่งให้ไกลขึ้น

            ในกรณีที่รู้สึกว่าเหนื่อยและอยากจะหยุดวิ่ง แต่ไม่ได้มีอาการปวดที่หน้าอก ให้พยายามฝืนวิ่งต่อไป แต่ให้ลดความเร็วลง จนรู้สึกว่าสามารถวิ่งได้ตามปกติ ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ร่างกายกำลังดึงเอาไขมันมาใช้ และเมื่อเราวิ่งต่อจากช่วงนี้แล้วรู้สึกเหนื่อยหรือคิดว่าวิ่งพอแล้วให้เดินต่ออีกสักนิดเพื่อเป็นการคูลดาวน์ให้แก่ร่างกาย จากนั้นจึงหยุดนั่งหรือยืนเฉยๆ

ควบคุมอาหารหลังกิน

            แม้จะวิ่งวันละสามเวลา แต่ถ้ายังกินวันละ 4 มื้อเหมือนเดิมก็คงไม่สามารถช่วยให้คุณผอมลงได้ ดังนั้นควรจำกัดเรื่องเวลาและปริมาณการกินในมื้อเย็นให้น้อยลงแม้จะรู้สึกหิวกว่าปกติก็ตาม และควรทำให้สม่ำเสมอ เพราะไขมันและน้ำตาลสะสมจะถูกดึงเอาไปใช้ทุกครั้งที่เราได้ออกกำลังกาย ถ้าเราไม่เติมกลับลงไปให้เท่าเดิม เราก็จะมีน้ำหนักที่ลดลงได้อย่างที่ตั้งใจไว้ อีกทั้งการวิ่งเป็นประจำแบบนี้ยังทำให้เราเคยชินกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและรู้สึกอยากอาหารในมื้อเย็นน้อยลงตามไปด้วย

            เท่านี้ก็คงจะได้ทราบแล้วว่า การวิ่งออกกำลังกายอย่างถูกต้องและได้ประโยชน์อย่างแท้จริงไม่ใช่เรื่องยากเกินกำลังเลยสักนิด ถ้าคุณมีความใส่ใจและตั้งใจ และมีความสม่ำเสมอในการปฏิบัติ หุ่นสวยก็คงไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน

Credit >> http://www.nofat.in.th/

ลดความอ้วนด้วยการทานส้มตำกันดีกว่า

ลดความอ้วน ด้วยการทานว้มตำกันดีกว่า  มาดูกันเลยว่าทำไหม ทานส้มตำลดความอ้วนได้ ตามมาเลย การ ที่เราบอกว่าทาน ส้มตำช่วยให้ ลดน้ำได้จริง เพราะว่าส้มตำนั้นเป็น ของที่เรียกได้ว่า ตำผัก ผลไม้ ที่เป็นการ ช่วยขับถ่าย ต่อร่างกายแบบว่า ดียอดเยี่ยมเลยที่เดียว ลองมาเลือกมาทานกันได้เลยนะว่าจะดีจริง อย่างที่เราพูก มาหรือป่าว เราขอท้าลอง ว่าดูกันเลยว่าส้มตำ ช่วยได้มากแค่ไหน

Credit >> http://health.wq45.com

วิธีลดน้ำหนักง่ายๆ โดยไม่พึ่งยา

ณ ปัจจุบัน สาว ๆ โดยทั่วไปหันมาดูแลสุขภาพกันมากขึ้น อยากสวย อยากหุ่นดีกันทั้งนั้น แต่ว่ามีหลายคนที่หันไปพึ่งยาลดน้ำหนัก โดยที่ไม่ผ่าน อ.ย.  อาจจะทำให้เสียชีวิตได้ไม่รู้ตัว แต่บางคนที่ทานยาลดน้ำหนักแล้ว จะรู้สึกทรมานตัวเอง เช่น หิวน้ำ มึนหัว วิงเวียน เบลอ เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นผลข้างเคียงจากยาลดน้ำหนักกันทั้งนั้น วันนี้แอดมินก็จะมาแนะนำวิธีลดน้ำหนักโดยที่ไม่ต้องพึ่งยากัน ลองมาดูกันได้ที่นี่เลยนะ

วิธีลดน้ำหนัก

1.    ดื่มน้ำมาก ๆ  สาว ๆ คนไหนที่อยู่ในช่วงลดน้ำหนักก็ควรที่จะดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อยควรให้ได้วันละ 8 แก้ว เพื่อที่จะชดเชยน้ำที่ร่างกายได้ขับออกไป อีกอย่างยังช่วยให้ไม่หิวบ่อยอีกด้วยนะ
2.    เลิกทานของจุบจิบ ใช่ อันนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ กันเลยทีเดียว การทานของจุบจิบเป็นอะไรที่สาว ๆ อย่างเราต้องทานกันเป็นประจำ แต่ว่าใครที่อยากลดน้ำหนักก็ต้องเลิกที่จะทานอาหารพวกนี้กันนะ ไม่งั้นน้ำหนักคงจะลดยาก
3.    เลิกทานของมัน ใครที่ไม่อยากอ้วนไปมากกว่านี้ก็ต้องงดซะนะ ถ้าเป็นพวกเนื้อย่าง ตามร้านต่าง ๆ ก็ต้องเลิกเด็ดขาด เพื่อหุ่นที่สวยงามของเรา
4.    ทานอาหารก่อน 17.00 นะ
5.    ควรหมั่นออกกำลังกาย เป็นประจำ เพราะว่าจะช่วยในเรื่องการเผาพลาญพลังงานได้ดี ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาที/วัน

http://health.wq45.com

วิธีลดความอ้วนแบบธรรมชาติ

คุณกำลังมองหาวิธีลดน้ำหนัก โดยที่ไม่ต้องพึ่งยากันอยู่หรือไม่ ถ้ากำลังมองหาอยู่ละก็ ที่นี่คือคำตอบของคุณเป็นอย่างแน่นอน เพราะว่าวันนี้แอดมินได้นำเคล็ดลับดี ๆ มาฝากสาว ๆ กัน แต่ว่าจะเน้นในเรื่องการรับประทานอาหาร และการออกกำลังกาย พร้อมกันหรือยัง ถ้าพร้อมแล้วก็ไปดูกันได้เลยนะ

วิธีลดความอ้วนแบบธรรมชาติ

1.    ไม่กินข้าวมื้อเย็น ตัวนี้ละ จะเป็นการตัดสินว่าเราจะอ้วนขึ้นหรือว่าจะผอมกันแน่ สาว ๆ คนไหนที่อยากมีหุ่นดีก็ต้องไม่กินข้าวเย็น แต่ว่าหันมารับประทานผักผลไม้แทน รับรองว่าทำข้อนี้ได้ ผอมแน่นอน ชัวร์
2.    ใน 1 สัปดาห์ สาว ๆ ลองเลือก 1 วัน เพื่อที่จะงด ข้าว แป้ง ไขมัน แต่ว่าหันมาทานผักผลไม้เช่น มะละกอ องุ่น ส้ม แอปเปิ้ล เป็นต้น แต่ไม่ควรทานผลไม้ที่ให้แคลอรีสูง เช่น  ทุเรียน
3.    อาหารทุกมื้อ ควรที่จะพยายามเคี้ยวช้า ๆ ถ้าเราทานเร็ว เราจะกินได้เยอะมากขึ้น อีกอย่างการที่เราเคี้ยวช้า ๆ จะทำให้ระบบย่อยอาหารเราย่อยได้น้อยลง ย่อยอาหารได้ง่ายขึ้น
4.    หมั่นดื่มน้ำเปล่า ก่อนรับประทานอาหาร สาว ๆ คนไหนที่อยากลดน้ำหนักกัน ต้องดื่มน้ำก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง ครั้งละ 1-2 แก้ว จะทำให้เราทานอาหารให้น้อยลง
5.    การออกกำลังกาย จะสามารถเผาพลาญพลังงาน และไขมันเราได้มากขึ้น ควรออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที ควรออกกำลังกายอย่างน้อย สัปดาห์ละ 3 ครั้ง เป็นอย่างต่ำ

http://health.wq45.com


วิธีลดน้ำหนัก ภายใน 3 วัน หุ่นเพอเฟ็กต์

สาว ๆ หลายคนกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับการลดน้ำหนักอยู่หรือไม่ ยื่งนับวัน น้ำหนักก็ยิ่งเพิ่ม เสื้อตัวเดิมก็ใส่ไม่ได้แล้ว อารมณ์เสียมาก ๆ อย่าพึ่งวีนกันนะค่ะ เพราะว่าวันนี้แอดมินได้นำสูตรลดน้ำหนักภายใน 3 วัน มาฝากสาว ๆ กันนะ ใครที่อยากลดน้ำหนักกันแบบว่าเร่งด่วนทันใจละก็ ต้องมาดูกันได้ที่นี่เลย รับรองได้เลยว่าจะต้องลดน้ำหนักได้ทันใจเป็นอย่างแน่นอน งั้นอย่ารอช้ารีบมาดูกันดีกว่านะ

วิธีลดน้ำหนัก ภายใน 3 วัน

วันที่ 1

    เช้า  ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น กับกาแฟไม่ใส่น้ำตาล
    กลางวัน ไข่ต้ม
    เย็น สลัดผัก

วันที่ 2

    เช้า ไข่ลวก
    กลางวัน ต้มปลาช่อน
    เย็น โยเกิร์ต

วันที่ 3

    เช้า นมพร่องมันเนย
    กลางวัน ส้มตำ + ปลาแซลมอน 1 ชิ้น
    เย็น ส้ม 2 ผล ตามด้วยน้ำเปล่า 1-2 แก้ว

*** สูตรนี้แอดมินรับรองได้เลยว่าละน้ำหนักได้แน่นอน แต่ว่าสาว ๆ จะต้องพยายามในการลดน้ำหนัก ห้ามขี้เกียจกลางคันนะ ต้องใช้ความพยายามถึงจะลดได้ ***

Credit >> http://health.wq45.com

วิธีลดความอ้วนด้วย 35 วิธีต่อไปนี้

อยากลดหุ่นให้เข้าที่หรือ? ง่าย ๆ เลยค่ะ ลองเลือกทำตามวิธีลดความอ้วน ที่กระปุกดอทคอมนำฝากในวันนี้ ดูสิว่า วิธีไหนเหมาะสมกับคุณบ้าง หรือจะเลือกใช้ทุกวิธี เอาให้ผอมทันใจก็ย่อมได้ รับรองว่าดีต่อสุขภาพค่ะ

1.รับประทานผัก-ผลไม้มาก ๆ

          อย่าละเลยการรับประทานผัก-ผลไม้เด็ดขาดค่ะ เพราะผักผลไม้มีทั้งเส้นใย และสารอาหารต่าง ๆ ที่ดีกับคุณสาว ๆ แถมทานมากเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนด้วย

2. หลีกเลี่ยงการทานอาหารทอด ๆ และติดมัน

          อาหารทอด ๆ มาพร้อมกับน้ำมันที่จะมาทำให้คุณอวบอั๋นขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย เช่นเดียวกับอาหารเนื้อสัตว์ติดมัน เช่น กุนเชียง หมูสามชั้นทอดกรอบ หนังไก่ กากหมู ถ้าไม่อยากอ้วน อดใจไว้ค่ะ

3.ทานดาร์กช็อกโกแลต

          ใช่ค่ะ คุณหูไม่ฝาด เรากำลังแนะนำให้คุณทานช็อกโกแลต แต่ไม่ใช่ว่าช็อกโกแลตทั่ว ๆ ไปก็ทานได้หรอกนะคะ ต้องเป็นดาร์ก ช็อกโกแลตเท่านั้น ถึงจะมีสารแอนตี้ออกซิเดนท์ และเป็นประโยชน์กับร่างกายของคุณสาว ๆ

4. ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

          แทบจะทุกบทความ ที่แนะนำให้คุณดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 8-12 แก้ว เพราะน้ำจะช่วยเร่งระบบการเผาผลาญ จึงช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินให้คุณด้วย ซ้ำยังช่วยให้คุณอิ่มเร็วขึ้นด้วย หากคุณดื่มน้ำ 1 แก้ว ก่อนทานอาหารทุกครั้ง แต่อย่าชะแว้บ! ไปมอง "น้ำอัดลม" หรือ "น้ำผลไม้" เชียว ยกเว้น "น้ำมะนาวผสมน้ำผึ้ง" ที่เราแนะนำให้คุณดื่มได้

5.ดื่มน้ำอย่างน้อย 1 แก้วหลังตื่นนอน

          จำ และทำให้เป็นนิสัย เพราะการดื่มน้ำอย่างน้อย 1 แก้ว ทันทีหลังจากที่คุณเพิ่งตื่นนอน จะทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว และยังจะช่วยให้ระบบขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายทั้งหนักทั้งเบา ทำงานได้อย่างคล่องตัว

6.ทานอาหารเช้า

          จำได้ไหมว่า อาหารเช้าคืออาหารมื้อสำคัญที่สุดของวัน ถ้าหากคุณสาว ๆ พลาดอาหารเช้าในช่วงเวลา 6.00-10.00 น.ไปล่ะก็ คุณอาจจะรู้สึกหิวในมื้อต่อ ๆ ไปมากขึ้น ทีนี้ล่ะ คุณอาจจะเผลอตัวเผลอใจสวาปามอาหารที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่ยั้ง แล้วจะลดน้ำหนักได้อย่างไรล่ะจ๊ะ

7.กินเพื่ออยู่ ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน

          การไดเอท ไม่ได้สำคัญที่ว่าคุณทานอะไรเข้าไป แต่สำคัญที่ว่า ทำไมคุณถึงทานเข้าไปต่างหาก ฉะนั้นแล้ว หากใครชอบกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ เพียงเพื่ออยากทานสิ่งนั้น จงเปลี่ยนพฤติกรรมด่วนค่ะ ทานให้แต่พออิ่มจะดีกว่า และควรทานเมื่อเวลาที่หิวจริง ๆ

8.ออกกำลังกายสำคัญสุด ๆ

          แน่นอนว่า หนึ่งในวิธีที่คนทั่วโลกแนะนำก็คือ การออกกำลังกายนี่แหละ เพราะมันจะช่วยรักษาน้ำหนักให้คงที่ในระยะยาวได้ แถมยังจะช่วยให้คุณเผาผลาญแคลอรีให้กลายเป็นพลังงานได้คราวละมาก ๆ ด้วย หากคุณสาว ๆ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ลองหาเวลาเดินวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน นอกจากคุณจะควบคุมน้ำหนักได้ดีแล้ว ยังจะมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงอีกด้วยล่ะ

9.หาเพื่อนร่วมอุดมการณ์ไดเอท

          เขาว่า "คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย" ใช่ไหมล่ะ เพราะฉะนั้น อย่ามาท้อแท้กับการไดเอทเพียงลำพังเลย ลองหาเพื่อนที่มีแนวคิดเดียวกัน แล้วชวนมาลดความอ้วนด้วยกันดีกว่า เพราะการมีเพื่อนหัวอกเดียวกัน จะทำให้คุณมีกำลังใจขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ

10.อย่ากักตุนอาหารในตู้เย็น

          สาว ๆ มักจะชอบซื้ออะไรต่อมิอะไรมาเก็บไว้ในตู้เย็น อ้างว่าเตรียมไว้รับรองแขกบ้าง ไว้เลี้ยงเพื่อนบ้างล่ะ แต่สุดท้ายก็มักจะเหลือเต็มตู้เย็น จนคุณสาว ๆ นั่นแหละต้องมาทานเอง เพราะฉะนั้น หากไม่อยากอ้วน กำจัดของกินในตู้เย็นโดยด่วน คุณจะได้ไม่เผลอหยิบติดมือมาทานได้ง่ายเกินไปนั่นเอง แต่ถ้าอยากจะมีอาหารติดในตู้เย็น แนะนำว่า ผักผลไม้ และบรรดาอาหารเพื่อสุขภาพทั้งหลายจะเวิร์กที่สุดค่ะ

11.อย่ากินไป ดูทีวีไป

          รู้หรอกน่า ว่าคุณสาว ๆ ชอบกินนั่น กินนี่ กินจุบกินจิบทั้งวันไม่เป็นเวลา โดยเฉพาะเวลานั่งดูโทรทัศน์ หรือนั่งอ่านหนังสือ มักจะหาอะไรติดไม้ติดมือเข้าปากเป็นประจำ แต่นั่นแหละค่ะ การที่คุณสาว ๆ หยิบคุ้กกี้บ้าง ขนมปังกรอบบ้าง มันฝรั่งทอดบ้าง เข้าปากแต่ละที คุณจะเพลินจนลืมเรื่อง "อ้วน" ไปชั่วขณะเลยทีเดียว

12.ใส่ใจ "ข้าวกล้อง" กันให้มากขึ้น

          ปกติเรามักจะชินกับการรับประทาน "ข้าวขาว" ซึ่งจะได้เพียงแค่คาร์โบไฮเดรตเท่านั้น แต่หากคุณเปลี่ยนมาทาน "ข้าวกล้อง" แทน คุณจะได้ทั้งคาร์โบไฮเดรต วิตามิน เกลือแร่มากมายจากเยื่อหุ้มและจมูกข้าวที่ไม่ได้ถูกขัดสีออกไป

13."น้ำตาล" และ "เกลือ" จอมวายร้าย

          "น้ำตาล" เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณมีปัญหาเรื่องน้ำหนัก เพราะฉะนั้นบรรดาของหวาน ลูกอม น้ำอัดลม เค้กต่าง ๆ จงงดเสีย!!! ให้ดื่มน้ำมะนาวแทน หรือทานน้ำตาลที่มาจากผลไม้จะดีกว่า เช่นเดียวกับ "เกลือ" ที่เราควรได้รับโซเดียมวันละไม่เกิน 1 ช้อนชาเท่านั้น แต่เกลือ หรือโซเดียมที่ผสมอยู่ในขนมต่าง ๆ อาหารฟาสต์ฟู้ดส์ รวมทั้งซุปที่ทานเข้าไปในแต่ละวัน ล้วนเกินปริมาณที่กำหนด จึงเป็นสาเหตุให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง และทำให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพมากมายตามมาได้ เพราะฉะนั้น ลดซะ!!!

14.ระวัง!!! สลัดน้ำข้น

          คุณสาว ๆ หลายคนอาจสงสัย ทำไมทานสลัดอยู่ทุกวัน ๆ ยังอ้วนอีก เพราะลืมไปว่า ตัวเองทานผักสลัดกับสลัดน้ำข้นนั่นไงล่ะ รู้ไหมว่า สลัดน้ำข้นนั้นอุดมไปด้วยครีมนม และไขมันนม ซึ่งหากรับประทานเข้าไปมาก ๆ แม้จะทานกับผักก็เถอะ ร้อยทั้งร้อย "อ้วน" อย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะ

15.สรรหาจานสีเข้ม ๆ

          มีผลการศึกษาระบุว่า การใช้จานอาหารสีสดใสจะช่วยกระตุ้นให้คุณอยากทานอาหารมากขึ้น กลับกันหากคุณใช้จานอาหารสีเข้ม ๆ โดยเฉพาะสีน้ำเงิน จะทำให้คุณลดความอยากอาหารลงไปได้ และนี่เองจะช่วยสกัดกั้นไม่ให้คุณทานมาก จะได้ไม่ต้องลดน้ำหนักอย่างเอาเป็นเอาตายภายหลังอย่างไรล่ะคะ

16. ใช้ภาชนะให้เล็กลง

          นอกจากใช้ภาชนะสีเข้ม ๆ แล้ว การเปลี่ยนจานให้เล็กลง ก็เป็นวิธีทางจิตวิทยา ที่ทำให้เรารู้สึกว่า อาหารมีปริมาณมากขึ้น ทำให้เรารู้สึกอิ่มได้เร็ว ไม่อยากหาอะไรทานอีก

17.ลด "ชา" , "กาแฟ" , "ครีมเทียม"

          การรับประทาน "ชา" , "กาแฟ" มากกว่าสองแก้วต่อวัน อาจทำให้คุณอ้วนได้ โดยเฉพาะหากใครชอบใส่ "ครีมเทียม" ในกาแฟ จะทำให้คุณได้รับแคลอรี่มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว รวมทั้งกาแฟสดทั้งหลายด้วยล่ะ

18.เคี้ยวช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม

          การเคี้ยวอาหารช้า ๆ และเคี้ยวอย่างละเอียด ช่วยคุณสาว ๆ ลดความอ้วนได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะจะทำให้สมองมีเวลาที่จะส่งสัญญาณไปบอกให้ท้องรู้สึกอิ่มได้แล้ว กลับกันคนที่เคี้ยวเร็ว กินเร็ว จะไม่รู้สึกอิ่มแม้ทานอาหารหมดจานแล้ว และเมื่อท้องไม่อิ่ม คุณสาว ๆ ก็มักจะมองหาของหวานตบท้ายมื้ออาหาร ซึ่งจะนำความอ้วนมาสู่ร่างกายของคุณอย่างชัวร์ ๆ

19.หลีกเลี่ยงไข่แดง ให้ทานไข่ขาว

          ไข่แดง อุดมไปด้วยคอเลสเตอรอล ที่เป็นบ่อเกิดของโรคหัวใจ และโรคอ้วน แต่ไข่ขาวไม่มีคอเลสเตอรอล ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานไข่แดง หรือทานในปริมาณน้อย และหันมาทานไข่ขาวแทน นอกจากนี้ หากวันไหนทานไข่มาก ๆ ก็ควรงดการทานอาหารที่มีไขมันสูงในมื้ออื่น ๆ ของวันเดียวกันด้วย เพื่อไม่ให้มีคอเลสเตอรอลสะสมในร่างกายมากเกินไป

20.อย่าให้รางวัลตัวเอง ด้วยการไปทานอาหาร

          สอบผ่าน! โปรเจกท์ผ่าน! พรีเซนต์งานผ่าน! ไปฉลองกันดีกว่า!!! หยุดความคิดนี้เลยค่ะ เพราะการที่คุณให้รางวัลกับความสำเร็จของตัวเอง ด้วยการไปรับประทานอาหารตามใจปาก อาจทำให้คุณอ้วนได้เหมือนกัน ทางที่ดีให้รางวัลกับตัวเองด้วยการทำสิ่งที่ตัวเองปรารถนา ยกเว้นเรื่องกิน!!! เช่น ไปช้อปปิ้ง ไปเที่ยวพักผ่อน นวดหน้า ทำผม ขัดผิว ฯลฯ จะดีที่สุดค่ะ

21.จำไว้ อย่าอด

          ใช่ว่า การไดเอทคือการอดอาหาร เพราะยิ่งคุณอดอาหารเท่าไหร่ จะมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด แถมยังทำให้คุณหิวมากขึ้นมากขึ้น จนทำให้คุณสามารถทานได้มากกว่าปกติในมื้อต่อไป

22.แบ่งทานบางส่วน ไม่ต้องทานให้หมด

          สาว ๆ หลายคนบ่นเสียดายอาหารที่อยู่ตรงหน้า ไม่อยากเหลือทิ้งไว้ แต่สำหรับกฎเกณฑ์ของการลดความอ้วน คุณไม่จำเป็นต้องทานหมดหรอกค่ะ โดยคุณควรจะแบ่งอาหารในจานไว้ 4 ส่วน แล้วทานเพียงแค่ 3 ส่วนก็เพียงพอแล้ว

23.อย่าทานอะไรหลังมื้อเย็นอีก

          ไม่ดีแน่ หากคุณทานขนม หรืออาหารอะไรหลังจากคุณทานอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว ทางที่ดีคือ ควรจะให้ร่างกายได้พักผ่อนจากการย่อยอาหาร แล้วไปเริ่มทำงานใหม่ในมื้อเช้าของวันรุ่งขึ้นจะดีกว่า

24.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

          ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อค่ะว่า หากคุณพักผ่อนนอนหลับไม่เพียงพอ อาจจะมีผลกระทบต่อฮอร์โมนเลปติน ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมความอยากอาหาร ดังนั้น อาจทำให้คุณยับยั้งชั่งใจในการรับประทานไม่อยู่ และอ้วนขึ้นได้ นอกจากนี้ หากคุณนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอแล้ว ก็สามารถช่วยให้ร่างกายกำจัดไขมันส่วนเกินออกไปได้เช่นกัน


25. ทานหลาย ๆ มื้อ (เล็ก ๆ) ในหนึ่งวัน

          ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า การทานอาหาร 4-5 มื้อเล็ก ๆ ในแต่ละวัน จะช่วยควบคุมระบบการเผาผลาญ และความอยากอาหารได้ดีกว่าการทานอาหารมื้อปกติ 3 มื้อ โดยระหว่างมื้ออาหาร คุณอาจทานสแน็ก หรือผลไม้ เพื่อให้คุณอิ่ม และไม่หิวมากจนกระทั่งถึงมื้อต่อไป ทีนี้ในมื้อต่อไป คุณก็จะทานอาหารได้น้อยลงแล้ว

26. โปรตีน ตัวช่วยลดความอ้วนในทุก ๆ มื้อ

          มีคำแนะนำให้ในแต่ละมื้ออาหารต้องมีอาหารประเภทโปรตีนผสมด้วย เพราะโปรตีนจะช่วยคงสภาพกล้ามเนื้อ และกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น โดยโปรตีนที่แนะนำก็คือ อาหารจำพวกถั่ว นม โยเกิร์ตนั่นเอง

27.เผ็ดหน่อย อร่อยดี

          การศึกษาพบว่า "พริก" ช่วยเพิ่มอุณหภูมิในร่างกาย และช่วยในการเผาผลาญ จึงมีประโยชน์เรื่องการควบคุมน้ำหนัก นอกจากนี้ การกินพริก จะไม่ทำให้รู้สึกอยากกินหวานอีก รับรองว่า กินพริกแล้ว ลืมเรื่องความอ้วนไปได้เลย

28.ดื่มชาเขียว

          มหาวิทยาลัยสวิสเซอร์แลนด์พบว่า การดื่มชาเขียวเป็นทางหนึ่งที่ช่วยลดน้ำหนัก เพราะจะช่วยเรื่องการเผาผลาญแคลอรี่ได้ ดังนั้นควรพยายามดื่ม 3 ถ้วยต่อวัน แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่า ต้องเป็นชาเขียวบริสุทธิ์จริง ๆ ไม่ใช่ชาเขียวในขวดที่มีส่วนผสมของน้ำตาลในปริมาณมาก แบบนี้ลดความอ้วนไม่ได้แน่นอนค่ะ

29. ดื่มนม ก็ช่วยลดความอ้วน

          หากไม่ชอบดื่มชาเขียว จะลองหันมาดื่มนมก็ช่วยลดความอ้วนได้ เพราะนมเป็นแหล่งอุดมไปด้วยแคลเซียม ซึ่งมีการศึกษาพบว่า การที่ร่างกายได้รับวิตามินดีและแคลเซียมสูง จะช่วยให้น้ำหนักของเราลดลงได้ แถมนมยังทำให้เรารู้สึกอิ่มจนไม่อยากทานอาหาร หรือเครื่องดื่มอะไรที่มีน้ำตาลด้วย

30.อ่านฉลากรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ด้วยล่ะ

          ก่อนซื้ออาหารหรือเครื่องดื่ม ลองอ่านรายละเอียดที่ติดอยู่ข้างผลิตภัณฑ์ หีบห่อ ฯลฯ ดูก่อนทุกครั้ง เพราะมันจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีแคลอรีสูง หรือไขมันสูงได้ แต่ขอย้ำว่า ยามใดที่ไปซุปเปอร์มาร์เก็ต ควรหลีกเลี่ยงการไปเดินในบริเวณที่ขายคุ้กกี้ พิซซ่าแช่แข็ง และไอศกรีม เพราะคุณอาจจะไม่ทันได้อ่านฉลากข้างกล่องก็ซื้อมันได้ง่าย ๆ เพราะติดใจในความอร่อยของมันนั่นเอง

31..จดบันทึกประจำวันให้เป็นนิสัย

          แต่ละวันคุณกินอะไรไปบ้าง ลองจดบันทึกไว้ทุก ๆ สัปดาห์ดูสิ เพราะมันจะช่วยให้คุณยับยั้งชั้งใจ และควบคุมพฤติกรรมการรับประทานอาหารได้ดีเลยทีเดียว

32.ทานผลไม้สด ดีกว่าผลไม้ดอง หรือน้ำผลไม้ปั่น

          น้ำผลไม้ปั่นมักผสมน้ำเชื่อม น้ำตาล ทำให้คุณสาว ๆ ได้รับน้ำตาลเกินความจำเป็น ขณะเดียวกัน ผลไม้ดอง ก็อาจมีสารแซคคารีน หรือที่เรียกว่าขัณฑสกรผสมอยู่ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะฉะนั้น ถ้าอยากได้วิตามินที่ครบถ้วน เลือกทานผลไม้สดดีกว่าแน่นอนค่ะ

33.ความเครียด คือ จุดอ่อน

          รู้ไหมคะว่า เมื่อฮอร์โมนความเครียดเพิ่มขึ้น ก็ทำให้ความต้องการอาหารในร่างกายเพิ่มขึ้น หรือทำให้หิวนั่นเอง แถมหิวบ่อยชนิดที่ไม่รู้ตัวเลยด้วย เพราะคนเครียดส่วนใหญ่มักจะจมอยู่กับความเครียด จนลืมสังเกตพฤติกรรมการกินของตัวเอง ดังนั้น ทำตัวเองให้ห่างไกลจากความเครียดเถอะค่ะ

34.หัวเราะ ช่วยลดความอ้วน

          งานวิจัยระบุว่า การหัวเราะจะทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ขณะเราหัวเราะ จะหายใจเอาออกซิเจนเข้าไปได้มากขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อท้องได้ออกกำลังไปในตัว

35.ชั่งน้ำหนักอาทิตย์ละครั้ง

          ไม่จำเป็นที่คุณจะรีบร้อน ชั่งน้ำหนักตัวทุก ๆ วัน เพราะหากคุณลดไม่ได้ดังใจปรารถนาแล้ว จะยิ่งทำให้คุณเครียดเสียเปล่า ๆ เพราะฉะนั้น ชั่งน้ำหนัก และเปลือยกายสำรวจตัวเองในห้องน้ำอาทิตย์ละครั้งก็เพียงพอแล้วล่ะ

Credit >> http://hilight.kapook.com/

อาหารสำหรับลดน้ำหนัก

วิธีการลดน้ำหนักที่ดีที่สุดนั้น คือการออกกำลังกายและการเลือกกินอาหารที่ช่วยกระตุ้นระบบการเผาผลาญ และลดความอยากลง แล้วอาหารอะไรบ้างที่จะช่วยให้คุณนั้นผอมลงได้ มาดูกัน

 1. พริก จากผลการวิจัยในประเทศญี่ปุ่นพบว่า สารแคปไซซิน (Capsaicin) ในพริกช่วยลดการความรู้สึกอยากอาหารได้

 2. ถั่วเปลือกแข็ง เช่น วอลนัต อัลมอนด์ ถั่วเพียงหนึ่งกำมือนั้นจะมีแคลอรีสูงถึง 165 กิโลแคลอรี แต่ผลการวิจัยของมหาวิทยาลัย Purdue ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า การกินถั่วเปลือกแข็งนั้นจะช่วยกระตุ้นร่างกายให้เผาผลาญดีขึ้นอีก 11 เปอร์เซ็นต์และลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหัวใจได้อีกด้วย

 3. เต้าหู้ ผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยหลุยส์เซียนา สหรัฐอเมริกา พบว่า การกินเต้าหู้ 1 ช้อนโต๊ะ ก่อนกินอาหารนั้นจะช่วยลดความอยากอาหารได้ 42 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
 4. น้ำส้มสายชูวินิการ์ ผลการวิจัยจากประเทศสวีเดนชี้ชัดว่า หากกินน้ำส้มสายชูวินิการ์พร้อมอาหาร กรดอะซิติกในน้ำส้มสายชูจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลง จึงอิ่มนานขึ้น

 5. ลูกแพร์ นอกจากลูกแพร์จะมีไฟเบอร์สูงแล้ว ผลการวิจัยในบราซิลยังชี้ว่า ผู้หญิงที่กินลูกแพร์ขนาดเล็กหลังอาหาร เป็นเวลา 2 เดือน มีน้ำหนักลดลง ½ กิโลกรัม

Credit >> http://www.shape.in.th

10 วิธีห่างไกลจากโรคอ้วน

ในปัจจุบันการใช้ชีวิตของผู้คนในสังคมเปลี่ยนไปมาก เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีต่างๆ ความเร่งรีบของการดำเนินชีวิตประจำวัน วัฒนธรรมของต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทย ทำให้การรับประทานอาหารของแต่ละคนนั้นเปลี่ยนไป สังเกตจากอาหารส่วนใหญ่นั้นเต็มไปด้วยแป้ง มีน้ำตาล-ไขมันเป็นส่วนประกอบเพิ่มมากขึ้น แต่ขาดอาหารที่ให้วิตามิน เกลือแร่ และอาหารที่มีเส้นใย ทำให้ความสมดุลของการเผาผลาญอาหารผิดปกติไป ส่งผลให้เกิดโรคอ้วนตามมา ซึ่งเป็นบ่อเกิดของโรคอื่น ๆ มากมาย

เพชรดาว ทัศนศร นักโภชนาการประจำโรงพยาบาลเวชธานี ให้คำีแนะนำไว้ว่า วิธป้องกันโรคอ้วนควรเลือกรับประทานอาหารที่ได้สัดส่วนกันในแต่ละมื้อ และสำหรับผู้ที่อ้วนอยู่แล้วก็ต้องควบคุมอาหาร โดยมีหลักง่าย ๆ ดังนี้

1.อาหารในกลุ่มข้าวและแป้งนั้น ต้องทานให้พอดี ไม่ควรงดรับประทานเลย เพราะอาจทำให้น้ำตาลในเลือดน้อยลง ส่งผลให้ร่างกายเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ สำหรับข้าวและแป้งที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักควรให้เลือกที่ ผ่านการขัดสีน้อย เช่น ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีต ธัญพืช เพราะจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายช้าๆ ทำให้ไม่อ้วน
2.อาหารกลุ่มโปรตีนหรือเนื้อสัตว์นั้นควรเลือกที่ไม่ติดหนัง-ติดมัน หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์แปรรูป เช่น แฮม ไส้กรอก กุนเชียง เพราะให้พลังงานสูงและมีไขมันมาก
3.นม ควรรับประทานนมจืด หากเป็น โยเกิร์ต แนะนำรสธรรมชาติ หากต้องการมีรสชาติก็ให้เติมผลไม้สดลงไปด้วย
4.อาหารประเภทไขมัน ไขมันนั้นยังมีความจำเป็นต่อร่างกายของคนเราเพื่อใช้ในการละลายวิตามินบางตัว แนะนำให้เลือกไขมันชนิดไม่อิ่มตัว เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำข้าว ยกเว้นน้ำมันปาล์ม กะทิจากมะพร้าว และการปรุงประกอบอาหารแนะนำให้ใช้วิธีอบ ต้ม นึ่ง ตุ๋น ย่าง ผัด แทนการทอดด้วยน้ำมันมาก ๆ
5.อาหารที่ให้เส้นใยสูง หาได้จากผักและผลไม้ ถั่วเมล็ดแห้ง (ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วดำ) ซะเป็นส่วนใหญ่ เพราะเส้นใยโดยเฉพาะชนิดที่ละลายน้ำ เช่น เพกตินในแอปเปิ้ล สตรอว์เบอร์รี่ ข้าวโอ๊ต จะมีเมือกมาก เมือกจะทำหน้าที่เกาะคอเลสเตอรอลแล้วขับออกจากร่างกาย สำหรับเส้นใยชนิดไม่ละลายน้ำ เป็นยาระบายตามธรรมชาติเพื่อป้องกันท้องผูก
6.เลือกทานอาหารที่มีพลังงานต่ำ เช่น ผลไม้ โยเกิร์ต รสธรรมชาติ
7.ฝึกฝนวางแผนการรับประทานอาหารให้ดี หากต้องไปงานเลี้ยง โดยในวันนั้นก่อนไปงานเลี้ยง ต้องเลือกทานอาหารไขมันต่ำเส้นใยสูงไว้ก่อน
8.มีการดัดแปลงอาหารให้เป็นอาหารพลังงานต่ำ เช่น น้ำสลัด พบว่าในน้ำสลัดมีน้ำมันพืชเป็นส่วนประกอบ หากมีการดัดแปลงจากน้ำสลัดมาเป็นน้ำยำ ก็จะทำให้ได้อาหารที่มีไขมันต่ำ
9.ถ้างด ชา-กาแฟไม่ได้ ก็ควรไม่ใส่ครีมเทียมหรือน้ำตาล
10.ออกกำลังกายสม่ำเสมอเป็นประจำ เพราะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น

Credit >> http://www.shape.in.th

เครื่องดื่มสำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนัก

หากคุณกำลังอยากกินผลไม้แต่กลัวอ้วนจะทำอย่างไรดี ? เราจึงขอมาแนะนำเครื่องดื่มน้ำผักน้ำผลไม้แสนอร่อยที่เหมาะสำหรับคนที่กำลังอยากลดความอ้วน เพราะนอกจากจะไม่ช่วยให้อ้วนแล้วยังมีส่วนในการเพิ่มพลังงาน ทดแทนน้ำที่ได้สูญเสียไปขณะที่ออกกำลังกาย ช่วยล้างพิษ และยังเป็นตัวช่วยไม่ให้โทรมอีกด้วย

ส่วนผสม สำหรับ 1 แก้ว (200 มล.)
ขิง 1 ชิ้น (2.5 เซ็นติเมตร)
ขึ้นฉ่าย 75 กรัม (หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ)
แครอท 300 กรัม (หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ)
สาหร่ายสไปรูลินา 1 ช้อนโต๊ะ (จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
เทียนข้าเปลือก 50 กรัม

คำแนะนำ ควรดื่มน้ำผักผลไม้วันละ 1-3 แก้ว

Credit >> http://www.shape.in.th

วิธีออกกำลังกายให้ได้ผลดี

การออกกำลังกายที่เหมาะสมคือ 5 วันต่อสัปดาห์ เรื่องนี้องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกมารับรอง และได้บอกไว้ว่า คนเราควรออกกำลังกายครั้งละประมาณ 30 นาที ให้ได้ 5 วันต่อสัปดาห์  การออกกำลังกายที่คนส่วนใหญ่นิยมปฏิบัติกัน ได้แก่กิจกรรมต่างๆ ดังต่อไปนี้

    วิ่งเหยาะๆ โดยใช้เวลา 30 นาที พลังงานที่ใช้ไปจะเท่ากับ 325 แคลอรี
    เต้นแอโรบิก โดยใช้เวลา 30 นาที พลังงานที่ใช้ไปจะเท่ากับ 170 แคลอรี
    เดินช็อปปิ้ง โดยใช้เวลา 30 นาที พลังงานที่ใช้ไปจะเท่ากับ 100 แคลอรี
    ทำความสะอาดบ้าน  โดยใช้เวลา 30 นาที พลังงานที่ใช้ไปจะเท่ากับ 135 แคลอรี
    การทำสวน โดยใช้เวลา 30 นาที พลังงานที่ใช้ไปจะเท่ากับ 160 แคลอรี

การออกกำลังกายในกิจกรรมแต่ละอย่างยังขึ้นกับว่าคุณได้ออกแรงในการทำกิจกรรมมากน้อยแค่ไหนด้วย

จำไว้ง่ายๆว่าแค่คุณขยับร่างกายก็เท่ากับคุณได้ออกกำลังกันแล้ว สำหรับใครที่ต้องการมีสุขภาพที่ดีควรลุกขึ้นมาขยับส่วนต่างๆ ของร่างกายเพื่อเป็นการบริหารตัวเองกันดีกว่า

Credit >> http://www.shape.in.th

การลดคอเลสเตอรอล

ใครรู้ตัวว่ามีคอเลสเตอรอลสูงเกินกำหนด และอยากรู้วิธีการลดคอเลสเตอรอลเชิญทางนี้


1. ไม่รับประทานอาหารประเภทไขมันสัตว์ เครื่องในสัตว์ และไม่ทานอาหารจำพวกแป้ง

2. พยายามทำให้  HDL ในเลือดเพิ่มขึ้นด้วยวิธีดังต่อไปนี้

2.1 พยายามออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ และควรงดสูบบุหรี่

2.2 ควรรับประทานกรดไลโนเลอิก ซึ่งมีอยู่ในน้ำมันพืชทั่วไปให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย หรือให้ได้ร้อยละ 10 ของพลังงานทั้งหมดที่ได้รับ

2.3 ต้องไม่เครียดทำใจให้สบายเป็นคนร่าเริงแจ่มใส

3. พยายามรับประทานผลไม้และผักสดในแต่ละวันให้มากขึ้นกว่าเดิม

Credit >> http://www.shape.in.th

วิธีลดไขมันหน้าท้อง

คอลัมน์ออกกำลังเป็นยาวิเศษเผยว่าการควบคุมปริมาณ และชนิดของอาหารในแต่ละมื้อ พร้อมทั้งดื่มน้ำตามให้มากๆ ควบกับกินเม็ดแมงลักแช่น้ำอุ่นสัก 1 แก้ว ผสมน้ำหวานนิดหน่อย ก่อน 5 โมงเย็น จะทำให้เราปลอดภัยจากไขมัน

“ไขมัน” เป็นสิ่งที่เราสร้างมาเองทั้งนั้น แต่เราก็ต้องมานั่งปวดหัวเพื่อที่จะกำจัดมันซะเอง

สำหรับเทคนิคในการสลายไขมันที่จะนำมาแนะนำในวันนี้มาจากคอลัมน์ “ออกกำลังกายเป็นยาวิเศษ” ในจดหมายข่าว “สร้างสุข” เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่ อ.รุ่งชัย ชวนไชยะกูล และแผนงานส่งเสริมการออกกำลังกายและกีฬาเพื่อสุขภาพ สสส. บอกไว้ว่า

เคล็ดเทคนิค คือ ให้ “พลังงานที่กินเข้าไปต้องน้อยกว่าพลังงานที่ใช้” โดยเริ่มจากต้องกินให้น้อยลงกว่าที่ควรจะเป็น หัวใจหลักก็คือต้อง “ควบคุมปริมาณอาหาร ชนิดของอาหารแต่ละมื้อ” อย่างเคร่งครัดนั่นเอง แต่ความต้องการพลังงานของคนเรานั้นก็แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับ เพศ อายุ ลักษณะและขนาดรูปร่างของร่างกาย

วิธีนี้อาจทำให้ร่างกายต้องการ และจะหักโหมกินอาหารในมื้อต่อไปมากขึ้นซึ่งก็มีทางแก้ง่าย ๆ คือต้องดื่มน้ำเปล่าให้มากๆ หรือลดความหิวด้วยการนำเม็ดแมงลักมาแช่ในน้ำอุ่นสัก 1 แก้ว แล้วเติมน้ำหวานลงไปนิดหน่อย แล้วรอให้เม็ดแมงลักพองตัว แล้วดื่มให้หมด เพราะพลังงานที่เกิดจากการกินเม็ดแมงลักเข้าไปนั้นจะถูกใช้มากที่สุด และควรจะกินเม็ดแมงลักก่อน 5 โมงเย็น

ส่วนอีกวิธีก็คือ การออกกำลังกายให้นานกว่าปรกติ เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายเพิ่มการเผาผลาญไขมันส่วนเกิน ซึ่งก็คือหากจะลดน้ำหนักลงครึ่งกิโลกรัมใน 1 อาทิตย์ จะต้องออกกำลังกายเผาผลาญไขมันให้ได้วันละ 500 กิโลแคลอรี และต้องออกกำลังกายติดต่อกันทั้ง 7 วัน แต่การออกกำลังกายทุกวันนั้นอาจหนักเกินไป ทำให้ร่างกายไม่มีเวลาพักผ่อน อาจเกิดอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า โทรมได้

ดังนั้น จึงไม่ควรเลือกวิธีใดวิธีหนึ่ง แต่ถ้าทำทั้งสองวิธีไปพร้อมๆใน 1 วัน ด้วยการลดกินอาหารลงประมาณ 250 กิโลแคลอรี และออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญไขมันวันละ 250 กิโลแคลอรี ก็จะช่วยให้ไม่เราโหยอาหาร และจะช่วยให้น้ำหนักของเราลดลงทีละน้อ อย่างถาวรด้วย

Credit >> http://www.shape.in.th

มากินผักกันเถอะ

การดูแลร่างกายให้มีสุขภาพดีและไม่มีโรค เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สาวๆ หันมากินผักกันมากขึ้น โดยเฉพาะการใส่ใจรูปร่างด้วยการกินผัก จัดว่าเป็นที่นิยมที่สุดเลยก็ว่าได้ เช่นเดียวกับดาราในวงการบันเทิงในบ้านเรา ที่ต่างก็มีเทคนิคการดูแลรูปร่างและนิยมกินผักในสไตล์ของของตัวเอง

ลองมาดูกันดีกว่า ที่ดาราแต่ละคนมีรูปร่างเป๊ะและสวยเป๊ะขนาดนี้ พวกเธอมีเคล็ดลับเฉพาะตัวในการเลือกกินผักควบคู่กับการดูแลสุขภาพกันอย่างไรบ้าง

เอ๊ะ-อิศริยา สายสนั่น

“ปกติก็ชอบผักทุกอย่าง เพราะเป็นคนทานง่ายอยู่แล้วค่ะ นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรมากค่ะ เลือกอาหารที่สดสะอาดปลอดภัย ออกกำลังกายก็พอแล้วค่ะ เพราะโดยมากแล้วจะทำงานไม่ค้อยเป็นเวลา เรื่องการกินก็เลยต้องใส่ใจเป็นพิเศษค่ะ กินผักที่สดและสะอาดทุกวันก็จะช่วยให้สุขภาพแข็งแรงมากขึ้นค่ะ”

กวาง-ฟ้ารุ่ง ยุติกรรม

“ส่วนตัวกวางเองก็ชอบกินผักผลไม้อยู่แล้ว แต่เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งตอนไปทำงานที่ฮ่องกง ได้กินแต่ของที่ทำมาจากแป้งกับขนมปังตลอดเวลา ตอนนั้นรู้สึกได้เลยว่าระบบการขับถ่ายเปลี่ยนไป ไม่ค่อยปกติเหมือนเดิม ก็เลยมาคิดถึงสาเหตุว่าเพราะอะไร ก็นึกได้ว่าเราไม่ค่อยได้กินผักเหมือนเมื่อก่อน ก็เลยพยายามหันมาทานผักมากให้ขึ้น โดยเฉพาะมื้อเย็น กวางจะเลือกกินสลัดกับน้ำสลัดอร่อยๆ กินได้ทุกวันไม่เบื่อเลยค่ะ แล้วยังดูแลรูปร่างได้ง่ายขึ้นด้วยค่ะ เพราะการที่เราจะสวยได้ กวางคิดว่า เราต้องสวยจากภายในสู่ภายนอกถึงจะทำให้รูปร่างเราดูดีอย่างแท้จริงค่ะ”

จูน-สาวิตรี โรจนพฤกษ์

“ปกติเป็นคนชอบทานอาหารที่มีผักเป็นส่วนประกอบของอยู่แล้วค่ะ อาหารที่ทานประจำจะเป็นพวกสลัดผัก แล้วก็ต้องนอนผักผ่อนอย่างเพียงพอ ควบคู่กับการออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ ก็ยิ่งดีต่อสุขภาพร่างกายของเราได้มากเลยค่ะ”

ฟาง-พิชญา ศรีเทพย์

“ถ้าเป็นพวกผัก ส่วนใหญ่จะชอบผัดผัด หรือผักอะไรก็ได้ที่สดๆ กรอบๆ แล้วก็ส้มตำค่ะ เพราะอร่อยถูกปาก กินง่าย ไม่อ้วน และก็ร้านที่อร่อยๆ อยู่หลายที่ หาทานง่ายด้วยนะคะ แล้วก็จะเป็นพวกสลัด นี่ก็อร่อย หาทานง่าย บางที เวลาไม่มีเวลา ก็ซื้อมาเก็บไว้ได้ แต่ไม่แช่ตู้เย็นไว้นานค่ะ เพราะเดี๋ยวจะเสีย ไม่อร่อยเหมือนตอนซื้อมาแล้วทานทันที การดื่มน้ำมากๆ นี่ช่วยให้ร่างกายผิวพรรณดูดีด้วยค่ะ”

วิว-วรรณรท สนธิไชย

“คุณแม่ก็สอนให้กินผักมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้วค่ะ อาหารทุกมื้อจะต้องมีผักเป็นส่วนประกอบเสมอ และหลังอาหารจะดื่มน้ำมากๆ เพื่อให้ผิวชุ่มชื่น ปกติวิวเองก็จะออกกำลังกายเป็นประจำ ยิ่งช่วงนี้ต้องทำงานไปด้วย ออกกองถ่ายบ่อยขึ้น ก็ยิ่งต้องทานอาหารให้ครบ พักผ่อนอย่างเพียงพอ ดูแลตัวเองให้มากกว่าเดิม เพื่อสุขภาพที่ดี พร้อมรับมือกับชีวิตประจำวันมากที่สุดค่ะ”

ส้ม-กนกกร ใจชื่น

“ปกติก็เลือกกินผักที่เราชอบหรือกินง่ายๆ พวก ผักกาด แตงกวา แจมด้วยผลไม้ เลือกที่มีรสไม่ขมเกินไป แต่ส่วนตัวแล้วชอบกินผักสดมากกว่า เพราะมีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน และมีเส้นใยมากกว่า ช่วยให้ระบบเผาผลาญของเราดีขึ้นด้วย ถ้าที่ชอบกินจริงๆ ก็จะเป็นพวกสลัด เพราะผักกาดแก้วนี่ของโปรดเลย กินกับทูน่า อร่อยสุดๆไปเลย แล้วก็ไม่ต้องกลัวอ้วนด้วยค่ะ”

Credit >> http://www.shape.in.th

วีธีลดรอบเอว

ใครอยากมีเอวบางร่างน้อย สวมใส่อะไรก็สวย ดูดี มาปฏิบัติตัวตามวิธีต่อไปนี้กันดีกว่า แต่ก่อนที่จะทำอะไรลองมาหาคำตอบจากคำถามเหล่านี้กันดูก่อน

มีรอบเอวเกินขนาด หมายถึงอะไร ?

รอบเอวของเราจะเล็กหรือจะใหญ่นั้น เกิดจากไขมันในช่องท้อง ผลการวิจัยพิสูจน์ได้ว่า เอวของคนเราที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 5 เซนติเมตร นั้น มีโอกาสทำให้คนๆ นั้นเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานได้ถึง 3-5 เท่า และยังเป็นเหตุของโรคร้ายต่างๆ อีกหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ไขมันในเลือดสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และมีโอกาสทำให้หลอดเลือดในสมองอุดตันหรือแตกได้ โรคทั้งหมดนี้เป็นสาเหตุสำคัญที่การเสียชีวิต มีการคาดการณ์กันไว้ว่าในปี 2563 จะมีผู้ที่เสียชีวิตจากโรคร้ายดังกล่าวมากถึง 25 ล้านคน จะยังพบว่ามีแนวโน้มที่ป่วยจะมีอายุน้อยลงไปเรื่อยๆ

สาเหตุสำคัญเกิดจากนิสัยที่เคยชิน ไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหวร่างกายกันเท่าที่ควร จะใช้เวลาส่วนใหญ่นั่งๆ นอนๆ กันซะมากกว่า ไม่ค่อยทานผักผลไม้ แต่จะรับประทานอาหารที่ให้พลังงานและไขมันมากเกินไป และไม่ค่อยชอบออกกำลังกาย การปฏิบัติตัวตามที่กล่าวมานี้เป็นสาเหตุสำคัญของโรคอ้วน

ยิ่งมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นเท่าไร อ้วนมากขึ้นเท่าไร จะยิ่งมีส่วนทำให้หัวใจที่ต้องทำหน้าที่สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่ายกายทำงานหนักมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้หลอดเลือดเกิดความผิดปกติได้ และเป็นสาเหตุสำคัญของโรคต่างๆ มากมายหลายชนิด

สำหรับใครที่อยากลองวัดรอบเอวกันขึ้นมาแล้ว ให้ยืนวัดรอบเอวในส่วนที่แคบที่สุดของลำตัว หรือกึ่งกลางระหว่างซี่โครงซี่สุดท้ายกับกระดูกสะโพกด้านหน้า สายวัดจะต้องไม่หลวมหรือแน่นจนเกินไป สำหรับคุณผู้หญิงนั้นต้องมีรอบเอวไม่เกิน 80 เซนติเมตร หรือประมาณ 32 นิ้ว ส่วนคุณผู้ชายต้องไม่เกิน 90 เซนติเมตร หรือประมาณ 36 นิ้ว สำหรับใครที่มีขนาดรอบเอวเกินมากไปกว่านี้ ให้รีบคุมน้ำหนักเพื่อลดรอบเอวอย่างเร่งด่วน

สำหรับวิธีการที่จะใช้ในการลดรอบเอวนั้น นักโภชนาการได้แนะนำเอาไว้ว่า ต้องรู้จัก “กินให้เป็น” รู้จักควบคุมปริมาณอาหารที่จะรับประทานในแต่ละวันให้เหมาะสม ลดอาหารประเภท ข้าว แป้ง น้ำตาล และไขมัน ให้เพิ่มอาหารประเภทโปรตีนจากธรรมชาติที่ยังไม่ผ่านการแปรรูปแทน เช่น ถั่ว งา เต้าหู้ ผัก ผลไม้ที่ไม่เป็นแป้งและไม่หวาน และธัญพืชต่างๆ พยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่มันจัด หวานจัด และเค็มจัด รวมถึงประเภท ขนมปัง เค้ก คุกกี้ มันฝรั่งทอด ขนมหวาน เป็นต้น

อีกวิธีที่ปฏิบัติได้ง่ายๆ คือ ให้พยายามยืดอาหารมื้อเช้าให้เป็นมื้อหลักของวัน ส่วนมื้ออื่นควรกินแค่พออิ่ม และสำหรับมื้อเย็นควรรับประทานก่อนเวลานอนไม่น้อยกว่า 4 ชั่วโมง เพื่อให้ระบบร่างกายสามารถย่อยอาหารได้เต็มที่ และมีประสิทธิภาพ รวมถึงระบบทำงานอื่นๆ มีเวลาได้พักผ่อน

สุดท้าย พยายามออกกำลังกายเพื่อลดพุงหรือหน้าท้องให้ได้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน และครั้งละประมาณ 30 นาที ไม่ว่าจะเป็นวิธีปฏิบัติแบบใดก็ได้ ขอเพียงให้คุณลดน้ำหนักให้ได้อย่างน้อย 5-10% ของน้ำหนักตัวเท่านั้น ก็จะเท่ากับว่าไขมันในช่องท้องของคุณได้ลดลงไปไม่ต่ำกว่า 30% กันเลยทีเดียว

Credit >> http://www.shape.in.th

สูตรขาเรียวสวยได้ด้วยท่าบริหารเพียง 3 ท่า

เชื่อได้คุณผู้หญิงคนไหนๆก็อยากจะมีขาที่เรียวสวยด้วยกันทั้งนั้น อาจจะเป็นเพราะในปัจจุบันแนวแฟชั่นที่ใส่ประโปรงหรือกางเกงสั้นๆกำลังเป็นที่นิยม เราจึงขอแนะนำท่าบริหารเรียวขาจากนิตยสาร Spicy ที่ช่วยให้ขาของคุณนั้นเรียวสวย เพียงแค่ 3 ท่า เท่านั้น ก็จะช่วยให้คุณใส่กระโปรงหรือกางเกงสั้นๆได้อย่างสบายๆ

    การปั่นจักรยานอยู่กับที่ ซึ่งคุณจะต้องปั่นแบบเร็วๆ ห้ามปั่นช้า เพราะการปั่นช้าๆอาจจะเป็นการเพิ่มกล้ามเนื้อบริเวณน่องให้ใหญ่ยิ่งขึ้น หรืออาจจะกลายเป็นขาหมูไปเลยก็ได้

    ให้นั่งเอียง 45 องศา วางหรือผูกเวทหนัก 1 กิโลกรัม ไว้บนขาข้างใดข้างหนึ่ง จากนั้นให้เกร็งหน้าท้องพร้อมกับค่อยๆยกขาขึ้นลงเร็วๆ และเมื่อครบ 20 ครั้ง ก็ให้เปลี่ยนเวทไปวางหรือผูกไว้ที่อีกข้างแล้วยกขึ้นลงเหมือนกัน แต่ถ้าหากว่าคุณมีเวทสองอันก็สามารถที่จะยกข้างขึ้นลงสลับกันได้เลย ในท่านี้ควรทำ 3 เซต เซตละ 10 ครั้ง อย่างน้อยอาทิตย์ละ 2-3 วัน แต่ในตอนแรกเริ่มคุณควรทำอย่างช้าๆไปก่อน เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัวให้เข้ากับเวท

    นอนราบลงกับพื้น จากนั้นให้ไขว้ข้อเท้าไว้ด้วยกัน แล้วงอเข่ามาให้ชิดอกมากที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วยืดออก ต่อมาให้คลายข้อเท้าทั้งสองออกจากกับและกลับมาสู่ท่าเดิม ทำเป็นเซต เซตละ 20 ครั้งทุกๆวัน เพราในท่านี้จะช่วยลดต้นขาด้านในของคุณได้ดี


Credit >> http://www.shape.in.th

ป้องกันโรคอ้วนด้วยบันได

นักวิจัยชาวสหรัฐฯ ค้นพบวิธีการสู้กับความอ้วน โดยการให้ใช้บันไดขึ้นลงตึกแทนลิฟต์ โดยเชื่อกันว่ามันจะเป็นหนทางทำให้ชีวิตของเรานั้นมีความเข้มแข็งว่องไว กระฉับกระเฉงยิ่งขึ้น

นักวิทยาศาสตร์สุขภาพ นั้นกำลังคิดค้นหาวิธีที่จะใช้บันไดตามอาคารบ้านเรือน เป็นอาวุธต่อสู้กับโรคอ้วน โดยหัวหน้าคณะศึกษา ดร.อิชัค เอ.มันซี่ ศูนย์วิทยา-ศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยรัฐหลุยเซียนา แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา ได้บอกไว้ว่า คณะนักวิจัยมุ่งที่จะปรับปรุงแบบ และทำเลที่ตั้งบันได เพื่อให้เป็นประโยชน์ในการต่อสู้กับโรคอ้วน

“เราจะต้องออกแบบบันได ซึ่งจำเป็นที่จะต้องมีการประสานกัน ทั้งทางด้านสถาปัตย์และทางด้านกฎหมาย เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับชีวิตที่คล่องแคล่ว ว่องไว”

ทางคณะนักวิจัยมีความเชื่อว่า การส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้บันไดแทนการใช้ลิฟต์ หรือบันไดเลื่อน นั้นจะเป็นหนทางที่ทำให้ชีวิตของเรานั้นมีความเข้มแข็งว่องไวยิ่งขึ้น และได้ชี้ว่าการเคลื่อนไหวร่างกาย ตั้งแต่ขนาดเบาไปจนถึงปานกลางนั้น เป็นวิธีการส่งเสริมให้ผู้คน ที่ปัจจุบันที่มักจะไม่ค่อยเคลื่อนไหวอย่างกระฉับกระเฉงนัก ซ้ำยังอ้วนอีกด้วยได้เคลื่อนไหวร่างกายตนเอง

รายงานการศึกษาบรรยายไว้ว่า ยังมีวิธีการง่าย ๆ เพื่อที่จะส่งเสริมให้คนพากันใช้บันไดให้ให้มากขึ้น ซึ่งได้ค้นพบกันอีกหลายวิธี ตั้งแต่การสร้างขั้นบันไดให้กว้างขึ้น และแต่ละขั้นก็อย่าสูงเกินไปนัก นอกจากนั้นถ้ามีการติดเครื่องปรับอากาศ และเปิดเพลงให้ฟังตลอดการขึ้นบันไดก็จะยิ่งดี

Credit >> http://www.shape.in.th

หุ่นเพียวหลังจากการปาร์ตี้

เทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมานี้ ถ้าใครเผลอตามใจปากกินเกินลิมิตไปหน่อย ต้องคงต้องรีบกลับมาฟิตหุ่นกันด่วนจี๋เลยละสิ ขืนถ้าเราปล่อยทิ้งไว้นาน ๆแล้วละก้อ เดี๋ยวมันจะสายเกินแก้เอานะ ผู้อำนวยการด้านการสร้างเสริมสุขภาพ ประกันสังคม โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 1 “นพ.วิชัย เดชะทัตตานนท์” มีเทคนิคดีๆเพื่อหุ่นสวย และสุขภาพดี หลังสนุกกับปาร์ตี้ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ มาฝากนะคั

เทคนิคแรกในการลดพุงหลังจากงานปาร์ตี้ คุณหมอได้แนะนำไว้ว่า ควรงดการรับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น ข้าว ขนมปัง แป้งพิซซ่า เค้ก หรือขนมหวาน แล้วหันมาเลือกทานผักผลไม้ ในสัดส่วน 80% ต่อโปรตีน 20% และไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีรสหวานทุกชนิด

นอกจากนั้น ก็ยังควรหลีกเลี่ยงอาหารมัน อาหารทอด และอาหารที่มีรสหวาน ถ้าอยากกินเพียงนิดหน่อยแต่อิ่มได้เร็ว คุณหมอแนะนำว่าให้เคี้ยวช้า ๆ เพราะสมองของเรานั้นจะสั่งให้เราอิ่มภายใน 20 นาที นับจากที่เราเริ่มกินอาหาร คนที่กินเร็วจะได้ปริมาณแคลอรีมากกว่าคนที่กินอย่างช้าๆ พิถีพิถัน

ถ้าเราดื่มน้ำเปล่า แทนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์น้ำผลไม้หรือน้ำอัดลม ก็จะช่วยลดไขมันได้อย่างทันตาเห็นเลยทีเดียว เพราะว่าเครื่องดื่มเหล่านี้เพียงแก้วเดียวนั้นให้พลังงานถึง 300 แคลอรี เทียบไม่ได้เลยกับน้ำเปล่าที่ให้พลังงานเพียงแค่ 10 แคลอรีเท่านั้น

วิธีสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือ เราต้องออกกำลังกายหลังอาหารประมาณ 1 ชั่วโมง มันจะช่วยเผาผลาญแคลอรีได้ดีที่สุด ทำให้เหลือแคลอรีติดร่างกายในปริมาณที่น้อยมาก และยังไปช่วยกระตุ้นให้ฮอร์โมนยับยั้งความอยากอาหารด้วย โดยการออกกำลังกายให้ได้ผลคือ ต้องออกกำลังกายในแต่ละครั้งให้มากกว่า 30 นาทีขึ้นไป จึงจะสามารถเผาผลาญแคลลอรี่ และทำให้พุงยุบได้ทันตา แม้จะไปปาร์ตี้หนักๆมาก็ตาม

Credit >> http://www.shape.in.th

เพียง 30 นาทีก็สามารถมีหุ่นที่ดีได้

ถ้าหากว่าคุณพยายามที่จะเผาผลาญแคลอรี และลดน้ำหนักด้วยเครื่องออกกำลังกายทั่วๆไป คุณใช้เวลาเพียงแค่ 30 นาที แต่คุณต้องใส่ใจกับมันอย่างเต็มที่ด้วย และจะต้องเพิ่มความเข้มข้นของการออกกำลังกายขึ้น ด้วยวิธีการต่อไปนี้

จักรยาน

5 นาที ปั่นแบบสบายๆ ความเร็วไม่ต้องมาก

5 นาที เพิ่มความเร็วขึ้นและลดลงทุก 30 วินาที

5 นาที ปั่นแบบสบายๆ ความเร็วไม่ต้องมาก

5 นาที เพิ่มความเร็วขึ้นให้มากกว่าตอนแรก และลดลงทุก 30 วินาที

5 นาที ปั่นแบบสบายๆ ความเร็วไม่ต้องมาก

5 นาที เพิ่มความเร็วและลดลงทุก 1 นาที

จะเผาผลาญแคลลอรี่ได้ประมาณ 245 แคลอรี (สำหรับคนหนักราว 63 กก.)

อิลิปติคัลเทรนเนอร์

6 นาที ตั้งระดับความชัน และแรงต้านเอาไว้ที่ระดับปานกลาง ความเร็วปานกลาง

2 นาที เพิ่มความชันและแรงต้าน 30 วินาที ความเร็วระดับ 6-8

2 นาที ลดความชันและแรงต้านลงในระดับสบาย ๆ

6 นาที เพิ่มความชันและแรงต้านในระดับปานกลางและหมุนขากลับหลัง ความเร็วปานกลาง

loop ไปจนครบ 30 นาที

จะเผาผลาญแคลลอรี่ได้ประมาณ 250-300 แคลอรี (สำหรับคนหนัก 63 กก.)

ลู่วิ่งไฟฟ้า

เริ่มด้วยปรับระดับความชันเป็น 0 และความเร็วในระดับที่เดินได้สบาย ๆ

1 นาที ค่อยๆเพิ่มความชันขึ้นทีละหนึ่งเปอร์เซ็นต์ หรือมากกว่านั้นทุก 15 วินาที ในความเร็วในระดับปานกลาง

1 นาที ค่อยๆลดความชันลงทีละหนึ่งเปอร์เซ็นต์ หรือมากกว่านั้นทุก 15 วินาทีในความเร็วในระดับปานกลาง

3 นาที เดินหรือวิ่งด้วยฝีเท้าสม่ำเสมอ ความเร็วปานกลาง

ทำซ้ำทั้งหมดนี้ไปเรื่อย ๆ จนครบ 30 นาที หรือมากกว่านั้นก็ได้

จะเผาผลาญแคลลอรี่ได้ประมาณ 320 แคลอรี (สำหรับคนหนักราว 63 กก.)


Tip

ก่อนที่จะออกกำลังกายแต่ละอย่างนั้น ควรที่จะวอร์มอัพสัก 5-10 นาทีก่อน ด้วยการออกกำลังแบบคาร์ดิโอเบา ๆ และจับตาดูอัตราการเต้นของหัวใจเอาไว้ แล้วจบด้วยการคูลดาวน์และยืดเส้นเสมอ

Q เมื่อน้ำหนักลดลงแล้ว เราจำเป็นต้องออกกำลังกายขนาดไหน เพื่อที่จะไม่ให้น้ำหนักกลับมาเหมือนเดิม

A การศึกษาวิจัยจบ่งชี้ว่าต้องใช้เวลาค่อนข้างนานราวๆ 90 นาทีต่อวันเลยทีเดียว แต่ในโลกของความเป็นจริงนั้น คุณสามารถที่จะรักษาน้ำหนักไม่ให้ขึ้นอีกได้ ด้วยการออกกำลังกายประมาณวันละ 45 นาทีก็เพียงพอแล้ว ถ้าคุณระวังเรื่องการกินอาหาร และเพิ่มการออกกำลังให้หนักขึ้น

เริ่มต้นตั้งแต่ตอนเช้า

การกินอาหารที่เต็มไปด้วยสารอาหาร เช่น ข้าวโอ๊ต ซีเรียจธัญพืช ขนมปังโฮลวีต เมื่อตื่นนอนไดด้สักพักเพื่อเป็นการปลุกระบบเผาผลาญอาหารของคุณ และทำให้มันเดินไปเรื่อย ๆ โดยผลจากการศึกษาของ National Weight Control Registry ในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ศึกษาอย่างต่อเนื่องในกลุ่มคน 5,000 คน ซึ่งลดน้ำหนักได้เฉลี่ย 66 ปอนด์ และยังคงรักษามันไว้ได้อย่างนั้นมากกว่า 5 ปี โดยที่ 78% ของคนที่รักษาน้ำหนักนั้นไว้ได้ รับประทานอาหารเช้าด้วย

Credit >> http://www.shape.in.th

ความรู้เกี่ยวกับการไดเอต

สัญญานที่บ่งบอกว่า การไดเอทของคุณนั้นไม่ได้ผล

“พี่เคยเข้าคอร์สไดเอต แต่ตอนนี้พี่ล้มเลิกแล้วหละ…”

เสียงบ่นของสาวๆร่างท่วมส่วนใหญ่เมื่ออยู่กับเพื่อนๆ หลังจากที่เธอไดด้เข้าคอร์สไดเอตเวลาสั้น ๆ ด้วยตัวเอง แต่ความหวังที่จะลดน้ำหนักนั้นกลับล้มเหลวไม่เป็นท่า เธอเล่าถึงความผิดหวังจากการลดน้ำหนักของเธอ ความยากลำบากจากการตั้งใจทำ ในสิ่งที่เธอมองว่ามันสุดดแสนจะทรมาน การออกกำลังกายที่แสนจะน่าเบื่อ การหักห้ามใจไม่ให้รับประทานอาหารที่ตัวเองชอบ ทุก ๆ อย่างที่เธอทดลองทำนั้น เธอคิดว่ามันล้มเหลวไม่เป็นท่า ตอนนี้เธอจึงกลับมามีพฤติกรรมการรับประทานอาหารแบบเดิม



ที่กล่าวมานี้ก็คือ ตัวอย่างของสัญญาณของความล้มเหลวของเส้นทางไปสู่การมีหุ่นที่ดี ฟิตแอนด์เฟิร์ม นั่นเอง ก่อนที่คุณจะกลายเป็นยายอ้วน หรือนายหมูพะโล้ แต่การเข้าคอร์สไดเอตด้วยตนเอง หลาย ๆ คนมักจะประสบปัญหาล้มเลิกกลางคัน เพราะเขาคิดว่าการไดเอตที่เขาทำอยู่นั้นไม่ได้ผล และตัวเองนั้นคงไม่สามารถมีหุ่นที่ดีได้ ทั้งที่แท้จริงแล้วปัญหาที่เกิขึ้นนั้นอาจเกิดจากการผิดพลาด หรือความเข้าใจผิดบางประการระหว่างขั้นตอนการไดเอตของคุณนั่นเอง ซึ่งเราอาจที่จะต้องทำความเข้ากันใจใหม่ว่า อะไรที่เป็นสัญญาณที่บอกว่าการไดเอตของคุณนั้นอาจที่จะไม่ได้ผล

…มาดูกันว่าคุณนั้นเลยเป็นแบบนี้หรือไม่

การเครียดเกินเหตุ และตั้งความหวังมากเกินไป

การที่เราตั้งความหวัง หรือคาดหวังกับบางสิ่งมากเกินไป และมันไม่ไ้เป็นอย่างที่หวัง ก็อาจถึงขั้นหยุดหวังไปกลางคัน

อุปสรรคแรกของการลดความอ้วนอันล้มเหลวก็คือจิตใจของเรา เมื่อเราไม่สามารถควบคุมความคิด ความเครียด การวนเวียนหมกมุ่นว่าจะต้องระมัดระวังอะไร และการเปลี่ยนการรับประทานอาหารอย่างกะทันหัน เช่น เปลี่ยนการรับประทานอาหารแบบปกติสู่การรับประทานแบบชีวจิต หรือปกติคุณชอบรับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์ แต่คุณกลับไดเอต โดยการรับประทานแบบมังสวิรัติ ทำให้วิถีชีวิตของคุณเปลี่ยนมากเกินไป จนไม่สามารถที่จะอดทนต่อความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นได้ ร่างกายของเราที่จะต้องอาศัยระยะเวลาในการปรับระบบต่าง ๆ การลดน้ำหนักจึงไม่ได้ผล เนื่องจากความเครียด รวมไปถึงการคาดหวังว่าจะต้องจำกัดระยะเวลาเท่าไหร่ ต้องลดได้เท่าไหร่ สิ่งต่าง ๆ  ที่สำคัญความเครียดนั้นจะทำให้ฮอร์โมนคอร์ดิโซนมากขึ้น ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้เป็นตัวที่มำให้ทการเมตาบอลิซึมทำงานช้าลง จึงเผลาผลาญแคลอรี่ได้น้อยลงไปด้วย

สติแตก เพราะอาหารจานโปรด

ไม่แปลกเลยหากคุณจะยังรู้สึกหวั่นไหว เมื่อได้เห็นอาหารจานโปรดของคุณ หรือเมื่อได้กลิ่นเมนูสุดโปรดที่คุณชอบรับประทานมาก แต่มันจะแปลก และล้มเหลวไปเมื่อคุณสามารถตัดทุกสิ่งให้เป็นไปตามโปรแกรมการไดเอต แต่คุณไม่สามารถตัดเมนูโปรด หรืออาหารในแบบที่คุณชอบได้ เช่น สามารถควบคุมอาหารแบบมัน ๆ ได้ ตัดการปรุงรสแบบหวาน ๆ ได้ แต่ไม่สามารถงดการกินเบียร์เย็น ๆ หลังเลิกงานได้

       ถ้าคุณนั้นยังไม่สามารถทำได้ก็นับเป็นสัญญาณหนึ่งที่ทำนายได้ว่า โปรแกรมไดเอตของคุณครั้งนี้ล้มเหลวอย่างแน่นอน หรือพูดได้เลยว่า สิ้นสุดการไดเอตในครั้งนี้น้ำหนักของคุณจะลดไม่ได้ตามเป้าอย่างแน่นอน …

อดอาหาร…แต่ไม่ออกแรง

การไดเอตตามโปรแกรมของคุณนั้นผ่านไปได้ด้วยดี คุณสามารถอดอาหารไขมันสูงและอาหารที่พลังงานสูงได้ คุณนั้นไม่ทานของหวานหลังมื้ออาหารอีกแล้ว น้ำหนักของคุณที่เคยเป็นส่วนเกินนั้นก็กำลังลดลงไปได้เรื่อย ๆ ด้วยดี แต่คุณไม่ออกกำลังกายหรือออกแรนงแะไรเลย คุณเอาแต่มุ่งมั่นกับการควบคุมอาหาร มันจพทำให้น้ำหนักของคุณนั้นลดลงอย่างไม่มีประสิทธิภาพ รวดเร็วและเห็นผลจนมีคนรอบข้างทัก คิดเพียงแต่เรื่องการอดอาหาร ไม่คำนึงถึงการออกกำลังกายแม้แต่น้อย

สิ่งที่อาจเกิดขึ้นก็คือ น้ำหนักของคุณนั้นจะลดอย่างเห็นได้ชัด แต่ทว่าร่างกายคุณนั้นกลับไม่แข็งแรงและมีปัญหาเรื่องความฟิตเฟิร์ม กระชับของกล้ามเนื้อ หรือเป็นไปได้ว่าอาจลดอย่างไรก็ไม่ได้ผล เนื่องจากไม่มีการออกแรง ไม่มีการใช้พลังงานเผาผลาญแคลอรีและไขมันส่วนเกินออกไป การไดเอตที่ดีนั้น คุณควรที่จะทำให้มีจุดสมดุลจึงจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด คือ คุณต้องควบคุมอาหารไปพร้อม ๆ กับการออกกำลังกาย

พฤติกรรมคุ้นเคยในชีวิตประจำวัน บั่นทอนภารกิจลดน้ำหนัก

ความคุ้นเคยในชีวิตประจำวันของเรานั้น อาจที่จะทำให้การควบคุมน้ำหนัก หรือการไดเอตไม่มีประสิทธิภาพก็ได้ เพราะความเคยชินในชีวิตประจำวันนำมาซึ่งอุปสรรคที่คุณไม่รู้ตัว ไม่ว่ามันจะเป็นการอดอาหารเช้า ซึ่งคุณไม่รู้ตัวซะเลยว่า เมื่อเราอดอาหารเช้านั้นมันจะทำให้การเผาผลาญพลังงานของเรานั้นลดประสิทธิภาพลงไปมาก เนื่องจากอาหารเช้านั้นช่วยให้ระดับของเมตาบอลิซึมของคุณเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าเลยทีเดียว

ในด้านของนิสัยการรับประทานอาหารจุกจิกของคุณ ถึงแม้คุณจะพยายามลดอาหารหลักที่มีไขมันสูงลงไปอย่างไร ก็ยังไม่อาจหยุดรับประทานของว่างระหว่างวัน พกลูกอมไว้ในกระเป๋าได้ ซึ่งหลาย ๆ สิ่งเป็นความคุ้นเคยแบบผิด ๆ นี้เอง การทำไดเอตนั้นอาจสูญเปล่าได้

และท้ายที่สุดคุณอาจที่จะต้องตรวจเช็คตัวเองอีกว่า การลดน้ำหนักนั้นคุณเข้มงวดกับตัวเองแค่ไหน คุณมีเป้าหมายอย่างไรในการลดน้ำหนักในครั้งนี้ เพราะอันตรายอีกสิ่งหนึ่งอย่างของความล้มเหลว นั่นก็คือ การไร้เป้าหมาย และการขาดการกระตุ้นตัวเอง

อย่าลืมเตือนตัวเอลหละว่า…ฉันจะลดน้ำหนักเพราะฉันอยากสวย อยากมีสุขภาพดี ฉันจะต้องผอมลงให้ได้ ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะต้องมีใครซักคนมาเดินเคียงข้างอย่างอบอุ่น

Credit >> http://www.shape.in.th

นอนหลับให้เพียงพอก็สามารถควบคุมน้ำหนักได้แล้ว

สาวๆ อย่าเพิ่งหัวเราะกันไปนะคะ ว่านอนหลับแค่นี้จะทำให้ความอ้วนของคุณหายวับไปได้ยังไงกัน เพราะความจริงแล้วการไม่นอนนี่ล่ะจะเป็นตัวการขัดขวางไม่ให้คุณผอมลงเลยล่ะ

สาเหตุก็คือ เวลาที่คุณไม่ได้นอนจะทำให้ให้ร่างกายเกิดความเครียด และจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ออกมา ซึ่งเป็นตัวการเพิ่มการไหลเวียนของกลูโคส (รวมถึงไขมันและโปรตีน) ในกระแสเลือด เมื่อร่างกายผลิต ออกมาในปริมาณสูง เนื่องจากความเครียดทั้งหลาย ผลที่ตามมาก็คือ ฮอร์โมนคอร์ติซอลจะสั่งให้ร่างกายเตรียมพลังงานให้พร้อม เพื่อรับมือกับสภาวะความตึงเครียดที่เกิดขึ้น ซึ่งจะไปเพิ่มปริมาณกลูโคสในกระแสเลือดจนสูงกว่าปกติ เป็นผลให้ให้คุณสูญเสียการสร้างกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะหากคุณกำลังอยู่ในระหว่างลดความอ้วนหรือควบคุมน้ำหนัก ก็มีปัญหาตามมาทันที เพราะจะส่งผลให้พลังงานในรูปแบบของกลูโคส (รวมทั้งไกลโคเจน) นั้นไม่เพียงพอ เนื่องจากกลุ่มคนเหล่านี้จะทานอาหารน้อยกว่าปกติ ซึ่งจะยิ่งทำให้เมตาบอลิซึมทำงานช้าลง และทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มสูงขึ้น

ระดับฮอร์โมนการเจริญเติบโตของคนเราจะเพิ่มขึ้นเวลานอนหลับ มีบทบาทช่วยสร้างเสริมกล้ามเนื้อและลดความอ้วนได้ ดังนั้น ยิ่งคุณนอนหลับนานเท่าไร ก็ยิ่งส่งผลดีต่อการลดน้ำหนักมากขึ้นเท่านั้น

การออกกำลังกายจัดเป็นสุดยอดวิธีลดน้ำหนักวิธีหนึ่ง แต่ถ้าคุณไม่มีเวลา แค่นอนให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง ก็สามารถเร่งอัตราการเสริมสร้างกล้ามเนื้อจากอาหาร และพลังงานอย่างดีเลยล่ะค่ะ

Credit >> http://www.shape.in.th